วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กลอนภาษาอังกฤษ ความหวัง


 

No man or woman is worth your tears and the o­nly

one who is, will never make you cry.

ไม่มีชายหรือหญิงคนไหนมีค่าพอที่คุณจะต้อง

เสียน้ำตาให้ ส่วนคนที่มีค่าพอนั้น

เขาย่อมที่จะไม่มีวันทำให้คุณร้องไห้อย่างเด็ดขาด



If you love someone,

put their name in a circle,

instead of a heart,

because hearts can break,

but circles go o­n forever.

ถ้าคุณรักใครสักคน

จงเอาเขาไว้รอบตัวคุณแทนที่จะใส่เขาไว้ในใจ

เพราะหัวใจสามารถแตกสลายได้

แต่ถ้าเขาอยู่รอบตัวคุณ เขาจะอยู่กับคุณตลอดไป



It may take o­nly a minute to like someone,

only an hour to have a crush o­n someone

and o­nly a day to love someone

สิ่งดีดีรีบมาใกล้...ให้สมพร

but it will take a lifetime to forget someone.
มันอาจจะใช้เวลาเพียงชั่วนาทีที่จะชอบใครสักคน

เพียงชั่วโมงที่จะนึกรักใครสักคน

และเพียงชั่ววันที่จะรักใครสักคน

แต่มันจะใช้เวลาชั่วชีวิตของท่านที่จะลืมคนคนนั้น
http://love-story-more.blogspot.com/2009/10/blog-post_11.html

ภาษาอังกฤษกับความรัก(Love 1)

                                                                     Love

          If you find yourself in love with someone who doesn’t love you, be gentle with yourself.
          There is nothing wrong with you. Love just didn’t choose to rest in the other person’s heart.


           หากคุณตกหลุมรักใครสักคนที่ไม่ได้รักคุณตอบ จงอย่าโทษตัวเอง ไม่มีสิ่งใดในตัวคุณที่บกพร่อง เพียงแต่ว่าความรักไม่ได้เลือกที่จะสถิตในใจของเขาคนนั้นเท่านั้นเอง


ขอบคุณข้อมูลจาก รศ. ดร. ระพิณ ทรัพย์เอนก Speaking Idiomatic English.

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

นิทานน่าอ่านเรื่องสิงโตกับกระต่ายป่า

The Lion and The Hare

There was a lion who woke up in one evening feeling hungry. He went to look for food in the jungle. He was so hungry that he wanted to catch anything he found. Suddenly, he saw a hare running about. The lion ran after the hare. Soon he caught that little hare. As he was going to eat the hare, he saw a deer. He because greedy. He thought he should eat the big deer instead of the hare. So he left the hare and turned to chase the deer. The deer ran as fast as he could for fear of the lion. The deer ran very fast that the lion could not catch him. Finally he stoped running because he was too tired. He said to himself, "I had better go back to eat the hare." He hurried back to the hare. But when he was at the place, the hare had gone.The lion was so sorry. He was greedy and now he had nothing to eat even a little hare.


สิงโตกับกระต่ายป่า

สิงโตตัวหนึ่งตื่นขึ้นในตอนเย็นวันหนึ่งด้วยความหิว มันจึงเดินเข้าไปหาอาหารในป่าด้วยความที่มันหิวมากมันจึงพยายามมองหาเหยื่อทุกชนิด ทันใดนั้นมันก็เหลือบไปเห็นกระต่ายป่าวิ่งอยู่ไม่ห่างนัก สิงโตจึงวิ่งไล่ตามเจ้ากระต่ายป่าไปและแล้วมันก็สามารถจับเจ้ากระต่ายป่าตัวนั้นได้ขณะที่ัมันจะกินเจ้ากระต่ายป่าเป็นอาหารมื้อเย็น สิงโตก็มองเห็นกวางตัวหนึ่งวิ่งผ่านไปด้วยความโลภ สิงโตคิดว่ามันน่าจะจับกวางซึ่งตัวใหญ่กว่ากินแทนเจ้ากระต่ายป่า คิดดังนั้นแล้วมันจึงปล่อยกระต่ายป่าไปแล้ววิ่งไล่กวดกวางตัวนั้นแทน กวางกลัวสิงโตจับไปกิน จึงวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต กวางวิ่งหนีเร็วมากจนสิงโตไล่ตามไม่ทัน ในที่สุดสิงโตก็เหนื่อยหอบจนต้องหยุดวิ่ง ด้วยความหิวมันจึงคิดว่า "เราน่าจะกลับไปกินเจ้ากระ่ต่ายป่าอย่างเดิมดีกว่า" ว่าแล้วมันจึงรีบกลับไปยังที่ที่มันปล่อยกระต่ายป่าไว้ แต่เมื่อไปถึงมันก็พบว่า กระต่ายป่าได้หนีหายไปแล้ว สิงโตเสียใจมาก เพราะความโลภแท้ๆ ทำให้มันไม่มีอะไรกินแม้แต่กระต่ายป่า


Vocabulary

1. lion = สิงโต     2. woke up = ตื่นขึ้น   3. hungry = หิว    4. look for = มองหา ตามหา  5. jungle = ป่า

6. want = ต้องการ 7. catch = จับตัว ตะครุบ 8. found = ค้นพบ เจอ 9. saw = แลเห็น  10. suddenly = ทัน

ใดนั้น 11. hare = กระต่ายป่า  12. food = อาหาร  13. ran after = วิ่งไล่ตาม 14. deer = กวาง 15. greedy =

โลภ งก 16. instead of = แทนที่  17. tired = เหนื่อย เพลีย 18. stopped = หยุด ชะงัก 19. hurriedly = อย่าง

รีบร้อน  20. sorry = เสียใจ 21. nothing = ไม่มีอะไรเลย 22. even = แม้กระทั่ง
คำสอน
โลภมาก ลาภหาย



อ้างอิงจากhttp://www.thaigoodview.com/library/sema/sukhothai/benjamas_y/fables/story2thaimotto.html

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องน่ารู้ 9 เรื่องห้ามเมาท์ กับเพื่อนร่วมงาน

เก็บเงินเดือนเป็นความลับ มันเป็นเรื่องระหว่างคุณ หัวหน้า และฝ่ายบุคคล คุณไม่ควรเก็บไปเล่าให้ใครฟัง เพราะว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และคนอื่นๆ อาจจะตั้งคำถามกับหัวหน้าหรือตัวคุณได้ ไม่ว่าคุณจะได้เงินเดือนมากน้อยเพียงใดก็ตาม
ประวัติการเจ็บป่วย จริงอยู่ที่ไม่มีใครมาสนใจหรอกว่า คุณมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง หรือว่าผ่าตัดครั้งสุดท้ายเมื่อไร แต่ทว่าเมื่อใดที่หัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานของคุณทราบ เขาสามารถคิดได้ว่า คุณเป็นบุคคลากรที่มีความเสี่ยงที่จะไม่สบายสูง ไม่แข็งแรง อาจจะมอบหมายงานสำคัญให้คนอื่นแทน
ห้ามนินทากาเล อยากจะเม้าท์คนในออฟฟิตคุณต้องเม้าท์กับคนอื่นๆ นอกออฟฟิศ ที่ไม่สามารถสาวมาถึงตัวคุณได้ เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ ที่อาจจะทำให้คุณไม่สนิทใจกับเพื่อนร่วมงานอีกต่อไป รวมทั้งคนอื่นอาจฝังความคิดเกี่ยวกับนิสัยที่ไม่ดีของคุณไว้ในความทรงจำ
ติบ่นเรื่องงาน หยุดกับการพูดถึงงานของคุณในแนวทางที่ไม่สร้างสรรค์ เพราะอาจจะมีบางคนที่ไม่เข้าใจในงานของคุณ เอาไปพูดลับหลังว่า คุณไม่ชอบ และไม่ยินดีกับงานที่ทำอยู่ หากคุณอยากจะบ่นให้พูดกับคนที่ไว้ใจได้ เข้าให้ถูกช่องทางดีกว่าที่จะบ่นไปโดยไม่ได้ดูทิศทางลม
ศาสนา และการเมืองห้ามคุย อย่างที่เคยได้ยินกันว่ามีคนขัดแย้งกันระหว่างคุยเรื่องการเมือง จนถึงขนาดฆ่ากันตาย เชื่อพวกนี้เป็นเรื่องความความเชื่อ และความศรัทธาส่วนบุคคล ถ้าจะเถียงกันเพื่อเอาชนะไม่มีวันจบสิ้น เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่าจะมองหน้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ติด
ข้อมูลส่วนตัวอย่าเล่าต่อ เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้เพื่อนร่วมงานของคุณรู้ก็ได้ อย่างเช่น เงินเก็บ ยอดขาย การวางแผนมีลูก หรือข้อมูลอะไรก็ตามที่อาจจะส่งผลเสียมาถึงเราได้ โดยเฉพาะเรื่องเที่ยวหรือเวลา Hang Out ของคุณ ถ้าคุณเล่าเมื่อวันอาทิตย์ได้ไปปาร์ตี้ที่สนุกสุดเหวี่ยงมา เพื่อนคุณจะจับสังเกตว่าคุณมีประสิทธิภาพในการทำงานน้องลงเพียงไร หากคุณไม่บอกเขาก็คงไม่จับตามองเป็นพิเศษ
เก็บบล๊อกห่างเพื่อนร่วมงาน สาวๆ คนไหนเล่นบล๊อก จงระวังให้ด ีเพราะข้อมูลออนไลน์ของคุณ จะบอกได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความสุข หรือความทุกข์ ยิ่งถ้าเพื่อนร่วมงานของคุณเข้ามาเห็นคุณเขียนไว้ว่า Today is so bad day. เขาสามารถเดาได้ว่า คุณไม่พอใจเรื่องอะไรในที่ทำงาน หรือไม่พอใจในตัวเขาที่เข้ามาร่วมงานกับคุณ การตีความแปรสภาพไปได้หลายแบบ ดังนั้นไม่ควรให้สังคมออนไลน์เข้ามาปะปนกับชีวิตการทำงานของคุณนัก
ตั้งกำแพงความสัมพันธ์ ไม่ว่าคุณกำลังมีเรื่องกับสามี หรือกำลังอินเลิฟกับหนุ่มข้างกายคนใหม่ อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านั้น ผ่านเข้ามาให้ที่ทำงานของคุณ อย่างน้อยเมื่อเหตุการณ์เหล่านั้นเปลี่ยนไป แล้วเราไม่อยากพูดถึง เพื่อนๆ อาจจะให้ความเป็นห่วงและถามถึงเรื่องนั้นไม่เว้นวัน (ความจริงอาจจะอยากรู้เรื่องราวตอนต่อไป) จนเหมือนว่าเรื่องภายนอกออฟฟิตส่งผลมาถึงการทำงานของเราด้วย
ปกปิดราคาสินค้า ความจริงแล้วดูเหมือนไม่น่าจะต้องปกปิดอะไร แต่เมื่อคุณซื้อของมาสักชิ้นแล้วบอกราคามันให้คนอื่นๆ ฟัง เพื่อนร่วมงานของคุณอาจจะคะเนได้ว่า คุณมีกำลังซื้อของขนาดนี้ อาจจะได้เงินเดือนหรือเงินรายได้อื่นๆ มากกว่าพวกเขา ดังนั้นมีอะไรดีอย่าอวดเพื่อนๆ ในที่ทำงานกันข้อครหา
ใครทำได้ทั้ง 9 ข้อนี้ จะทำให้ชีวิตการทำงานของคุณราบรื่น ^-^

อ้างอิงจากhttp://sakid.com/2010/07/03/24082/